25 เมนูต้องกิน เมื่อบินไปชิลล์ที่โอกินาว่า

25 เมนูต้องกิน เมื่อบินไปชิลล์ที่โอกินาว่า

แม้โอกินาว่าจะเพิ่งมาเป็นจุดหมายปลายทางของชาวไทยได้ไม่นานนัก แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นที่เที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่หลงรักได้อย่างไม่ยากเย็นเลยล่ะ เพราะมีธรรมชาติสวยๆ ทะเลใสๆ สีฟ้าคราม พร้อมวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนที่มีเอกลักษณ์ต่างจากเมืองอื่นในญี่ปุ่นมากมาย แถมยังมีบรรยากาศสบายๆ ชิลๆ ที่สำคัญคือมีอาหารจานเด็ดประจำถิ่นที่แตกต่างและหากินไม่ได้จากเมืองอื่นๆ ของประเทศญี่ปุ่นอยู่หลายเมนู เกาะนี้จึงเป็นญี่ปุ่นซึ่งคุณไม่คุ้นเคย โอกินาว่าจึงเป็นจุดหมายที่เราเชื่อว่าสายชิลล์ต้องถูกใจกันแน่นอน แล้วเดี๋ยวนี้การเดินทางก็สะดวกสบาย เพราะมีหลายสายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่โอกินาว่าในราคาที่ดีงาม ..ว่าแล้วก็ไปลองดูกันก่อนดีกว่าว่าไปเยือนถิ่นโอกินาว่าแล้วเราจะกินอะไรดี มีหลายเมนูที่แอดมินอยากจะแนะนำ ว่าแล้วไปดูกันเลยค่ะ ว่ามีเมนูอะไรน่าลองบ้าง

 

1. Goya Champuru


เรียกว่านี่คือเมนูมะระผัดไข่ในสไตล์โอกินาว่า ซึ่งเชื่อเหอะว่าเมนูนี้มีให้กินที่นี่ที่เดียวในญี่ปุ่นเลยนะ เพราะด้วยสภาพอากาศและภูมิประเทศที่ค่อนข้างกระเดียดไปทางเขตร้อนมากกว่าพื้นที่อื่นของญี่ปุ่น จึงเอื้ออำนวยให้เกิดวัตถุดิบดีๆ ที่นำมาประกอบอาหารจานนี้ได้อย่างลงตัว โดยส่วนใหญ่เมนูนี้จะนิยมใช้มะระ ไข่ และเต้าหู้ เป็นวัตถุดิบหลัก และอาจเพิ่มเติมเนื้อสัตว์ต่างๆ ได้ตามชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูหรือแฮม และอื่นๆ อีกมากมาย นี่คือเมนูที่ต้องกินให้ได้เมื่อไปถึงโอกินาว่า บอกเลย!


2. Sweet Potato Tart


มันหวานสีม่วงถือว่าเป็นของดีของเด็ดประจำโอกินาว่าอีกหนึ่งอย่าง จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นเจ้านี่ไปผสมปนเปอยู่ในเมนูที่หลากหลายซึ่งหาชิมได้บนเกาะนี้ และหนึ่งอย่างที่ถือว่าเด็ดจริงอะไรจริงจนกระทั่งกลายเป็นของขึ้นชื่อที่หลายคนต้องโกยกลับมากินกันต่อที่บ้าน ก็ต้องยกให้กับทาร์ตมันม่วงนี่ละ นอกจากเจ้ามันชนิดนี้จะได้รับการยอมรับว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่เต็มไปด้วยใยอาหารและวิตามินอีกหลายชนิดแล้ว สิ่งที่ทำให้เจ้าขนมนี้ชนิดฮิตก็ต้องยกให้กับรสชาติหวานหอมกรอบมันที่กินกันเท่าไหร่ก็ไม่มีคำว่าพอ อยากรู้ว่าอร่อยขนาดไหนก็ต้องไปลองกินดู

 

3. Sata Andagi



หลายคนเรียกขนมชนิดนี้ว่า Okinawa Donuts แม้ว่ามันจะมาในหน้าตาที่ไม่เหมือนโดนัททั่วไปก็ตาม ความอร่อยของขนมชนิดนี้อยู่ตรงที่ความกรอบจากผิวสัมผัสด้านนอก และความนุ่มของเนื้อแป้งที่เบา ฟู ซึ่งอยู่ด้านใน โดยบางครั้งก็อาจจะพบขนมชนิดนี้ในแถบฮาวายได้ด้วยเช่นกัน ด้วยวัตถุดิบหลักคือแป้ง ไข่ น้ำตาล และน้ำมัน แต่ปัจจุบันอาจมีการผสมพืชผักต่างๆ อย่างมันม่วงอันลือชื่อของเกาะนี้ลงไป ทำให้มันยิ่งกลายเป็นขนมที่อร่อยและมีเอกลักษณ์ยั่วยวนชวนให้กินแบบเฉพาะตัว ไปถึงโอกินาว่าแล้วขอบอกว่าต้องลองให้ได้เน้อ

 

4. Umi Budo


เมนูนี้อาจจะเป็นเมนูโปรดของหลายๆ คนอยู่ก่อนแล้ว เพราะเจ้าสาหร่ายพวงองุ่นนี่เริ่มแพร่หลายและหากินได้ง่ายขึ้นแล้วในบ้านเรา และบอกเลยว่าที่ที่จะพบเจ้าสาหร่ายแบบนี้ได้ตามธรรมชาตินั้น ต้องเป็นบริเวณที่มีน้ำทะเลใสสะอาดและปราศจากมลภาวะทั้งหลาย ที่เมืองไทยจะนิยมนำสาหร่ายพวงองุ่นมาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจี๊ดๆ หรือโรยไปบนอาหารรสจัดอย่างยำหรือส้มตำ แต่ที่โอกินาว่าจะเอามาแช่ให้เย็นเจี๊ยบแล้วจิ้มโชยุผสมน้ำส้ม กินคู่กับเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบชื่นใจ เรียกว่าเป็นเมนูกับแกล้มที่สั่งมากินกันได้แบบเพลินๆ แต่ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย สั่งมากินกันได้แบบชิลล์ๆ เลย

 

5. Rafute


ราฟุเท เป็นเมนูที่คนชอบหมูสามชั้นเห็นแล้วคงอยากลงไปดิ้นด้วยความอยากกินเป็นที่สุด! เมนูนี้ใช้หมูสามชั้นหั่นหนาๆ แล้วนำไปตุ๋นกับน้ำซุปปลา เหล้าอะวาโมริ โชยุ และน้ำตาลทรายแดง จนได้หมูที่เปื่อย นุ่ม ชุ่มไปด้วยรสชาติของเครื่องปรุง แค่กัดเข้าไปก็ละลายในปากกันเลยเชียว เดิมทีเมนูนี้เกิดขึ้นเพราะความต้องการหาวิธีถนอมอาหารของชาวท้องถิ่นโอกินาวาในสมัยก่อน และเป็นเมนูคู่ครัวที่สืบทอดต่อกันมา จนกลายเป็นหนึ่งจานอาหารประจำเกาะโอกินาว่าที่มาแล้วต้องลอง



6. Taco Rice


เมนูนี้เรียกได้ว่าเป็นเมนูเฉพาะตัว ที่ชาวโอกินาว่านำเอาทาโก้แบบแมกซิกันซึ่งแพร่ขยายอิทธิพลบนเกาะนี้ตั้งแต่สมัยที่ยังมีเหล่าทหารอเมริกันมาประจำการบนเกาะอยู่ มาปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น ด้วยการประยุกต์เอาไส้ทาโก้ซึ่งประกอบด้วยเนื้อผัดผงทาโก้ ชีส มะเขือเทศ และผักกาดแก้ว มาโปะลงบนข้าวสวยแทนแผ่นแป้งทาโก้แบบแม็กซิกัน แล้วดันกลายเป็นที่นิยมของเหล่าทหารอเมริกันในสมัยก่อน จนกลายมาเป็นอีกหนึ่ง signature dish ของเกาะโอกินาว่าไปโดยปริยาย และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมไปถึงเกาะนี้แล้วต้องชิม!

 

7. Okinawa Soba


โซบะได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งอาหารประจำชาติของญี่ปุ่นที่คุณหากินได้ทั่วทุกมุมโลกไปแล้วในปัจจุบันนี้ แต่เมนูโซบะของโอกินาว่าจะมีความแตกต่างเฉพาะตัวตรงที่ว่าเส้นโซบะซึ่งทำจากข้าวสาลีล้วนๆ ของที่นี่นั้นมีขนาดใหญ่จนใกล้เคียงกับเส้นอุด้ง ในขณะที่น้ำซุปที่ใช้ปรุงกลับไปมีรสชาติคล้ายน้ำซุปราเมน จริงๆ แล้วโซบะของโอกินาว่ามีหลายรูปแบบ แต่ที่ถือว่าฮ้อตฮิตที่สุดต้องยกให้กับ Soki Soba ที่มีท็อปปิ้งเป็นหมูชิ้นหนานุ่ม ต้นหอม และคามาโบโกะ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปร้อนๆ รสชาติหวาน เค็ม เผ็ด ซดแล้วชื่นใจ หูยยยย นี่อยากบินไปกินกันวันนี้พรุ่งนี้เลยเชียว

 

8. Awamori


สำหรับอันนี้ไม่ได้เอามาแนะนำเพื่อบังคับหรือสนับสนุนว่าต้องดื่มให้ได้! แต่อยากแนะนำให้รู้จักกันว่านี่คือเครื่องดื่มเก่าแก่แห่งเกาะโอกินาว่า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสุรากลั่นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่มีประวัติยืนยาวมาประมาณ 600 ปี และว่ากันว่ามีที่มาหรือแหล่งกำเนิดมาจากเมืองไทยนี่ละ เชื่อกันว่าในสมัยอยุธยามีผู้นำเอาเหล้าของไทยไปเผยแพร่บนเกาะ และกลายเป็นว่าชาวโอกินาว่าได้สืบทอดกรรมวิธีการหมักเหล้าชนิดนี้ด้วยข้าวสายพันธุ์ไทยซึ่งต้องใช้วิธีหมักบ่มในหม้อดินเผามาจนกระทั่งถึงในยุคปัจจุบัน และมันก็กลายเป็นเครื่องดื่มที่ขึ้นชื่อของเกาะนี้ไปโดยปริยายจ้า โดยทุกวันนี้มีการนำอาวาโมริไปปรับปรุงออกมาเป็นอีกหลายรูปแบบและรสชาติ เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นสายดริ๊งค์แล้วได้ไปโอกินาว่าก็ลองจิบดูหน่อยน่าว่ามันเป็นยังไง

 

9. Salt Ice Cream


เมนูที่หลายคนไม่พลาดชิมเวลาที่ได้ไปญี่ปุ่นก็คือไอศกรีมรสชาติต่างๆ และแน่นอนว่าที่โอกินาว่าก็มีไอศกรีมที่คุณต้องมากินให้ได้เช่นกัน นั่นคือไอศกรีมเกลือ Yukishio ซึ่งมีขายที่ร้าน Yukisio Labo ซึ่งร้านนี้จะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งใช้เกลือ Yukisio ซึ่งเป็นเกลือที่มีการรับรองจากกินเนสบุ๊กว่าเป็นเกลือที่มีแร่ธาตุมากที่สุดในโลกถึง 18 ชนิด! และแน่นอนว่าเค้าก็นำเจ้าเกลือนี้มาใส่ในไอศกรีมด้วยเช่นกัน รสชาติที่ได้จึงออกมาเค็มๆ หวานๆ มันๆ เพลินดีเหมือนกันนะ แล้วถ้ายังไม่สะใจ เค้ายังมีผงเกลือให้โรยบนไอศกรีมในอีกหลากหลายรสชาติทั้งชบา, พริกไทย, โกโก้, กระเจี๊ยบ, วาซาบิ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนอันไหนจะเด็ดสุด ต้องไปลองกันเองแล้วละ

 

10. Yagi Sashimi


เมนูเนื้อสัตว์ดิบถือว่าเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมการกินอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กับประเทศญี่ปุ่นมาเนิ่นนาน อย่างปลาดิบที่ถือว่าเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกแล้วในปัจจุบัน นอกจากนั้น เมนูเนื้อดิบในญี่ปุ่นที่คุณมักจะได้พบก็คือเนื้อวัว หรือเนื้อม้า และสำหรับในโอกินาว่าเมนูเนื้อดิบที่มาแล้วควรต้องลองก็คือเนื้อแพะ! เนื้อแพะดิบที่โอกินาว่าจะเสิร์ฟมาพร้อมโชยุเหมือนซาชิมินั่นละ ว่ากันว่าเนื้อแพะดิบจะให้ความนุ่มและมีข้อดีคือไม่ค่อยมีไขมัน แต่จะรสอร่อยขนาดไหนนั้น ต้องไปชิม!

 

11. Sukugarasu


จะเรียกได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งเมนูกับแกล้มที่น่าสนใจซึ่งสายดริ๊งค์ทั้งหลายไม่ควรพลาดเลยก็ว่าได้ ด้วยหน้าตาและรูปแบบที่น่าจะหาชิมได้ยากจากที่อื่น เมนูนี้เป็นการนำปลา Suku ตัวเล็กๆ มาดองเกลือเพื่อเป็นการถนอมอาหารให้เก็บไว้ได้กินตลอดทั้งปี เพราะปลาชนิดนี้โดยส่วนใหญ่จะมีเฉพาะในช่วงหน้าร้อนเท่านั้น และยังเป็นปลาที่มีพิษอ่อนๆ และมีก้างเล็กๆ ค่อนข้างเยอะ การนำมาดองเกลือประมาณ 8 เดือน – 1 ปี จะทำให้ปลาชนิดนี้กินได้ง่ายและปลอดภัยขึ้น ถือเป็นภูมิปัญญาทางอาหารที่คนโบราณคิดค้นมาได้อย่างดี วิธีการเสิร์ฟจะนำปลาเค็มมาวางบนเต้าหู้สดซึ่งมีรสจืดเพื่อตัดรสเค็มของตัวปลา รสชาติที่ออกมาบอกเลยว่าถ้าได้จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ตามลงไป มันใช่เลย!

 

12. Blue Seal Ice Cream


อีกหนึ่งของหวานขึ้นชื่อของโอกินาว่า ที่ได้รับอิทธิพลมาตั้งแต่สมัยที่ทหารอเมริกันมาตั้งฐานทัพอยู่บนเกาะนี้ แล้วถ้าบอกว่าชื่อเดิมของไอศกรีมชนิดนี้คือโฟร์โมสต์ละก็ เชื่อว่าทุกคนคงร้องอ๋อไปตามๆ กัน จริงๆ แล้วโฟร์โมสต์เกิดขึ้นในอเมริกาและมาตั้งโรงงานที่โอกินาว่าในปี ค.ศ.1948 ต่อมามีการขยายกิจการและเปลี่ยนชื่อเป็น Blue Seal ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม Okinawa Ice Cream ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาต่อยอดออกมาในหลากหลายรูปแบบ และเปิดสาขาไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศญี่ปุ่น แล้วในเมื่อคุณไปถึงถิ่นกำเนิดต้นทางแล้วน่ะ ถ้าไม่ลองก็เสียเที่ยวแล้วละ บอกเลย!

 

13. Mimiga


เมนูนี้เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนไทยน่าจะค่อนข้างคุ้นเคยในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเป็นเมนูหูหมูที่ผ่านการต้มหรือนึ่งจนสุกกำลังดี แล้วนำมาสไลซ์ให้เป็นเส้นบางๆ พอให้ได้เคี้ยวกันแบบสนุกสนานสู้ฟันนิดๆ เติมรสชาติความอร่อยให้กลมกล่อมด้วยเนยถั่ว น้ำส้ม และมิโสะร้อน จะได้หูหมูรสชาติกลมกล่อมนุ่มนวลที่เคี้ยวได้เพลินปาก ยิ่งมีเครื่องดื่มเย็นๆ จิบกลั้วไปด้วยนะ จะชื่นใจมากกกกก บอกเลย

 

14. Jushi


จานนี้ให้อารมณ์ประมาณข้าวผัดบ้านเรานั่นละ คือกินเป็นอาหารจานเดียวก็ได้ กินกับกับข้าวอย่างอื่นก็ดีงามไม่แพ้กัน ส่วนใหญ่แล้วแต่ละบ้านก็จะมีสูตร Jushi ที่เป็นของตัวเอง แต่วัตถุดิบหลักๆ มักจะอยู่ที่ข้าว, สาหร่าย hijiki, เห็ดชิตาเกะ, แครอท และหมู ผสมรวมกันแล้วปรุงรสตามใจชอบ เป็นเมนูกินง่ายที่มีให้กินได้แม้กระทั่งในร้านสะดวกซื้อ ลองไปตามหาดูแล้วกันนะว่า Jushi ที่ถูกใจคุณน่ะเป็นสูตรไหน

 

15. Hirayachi


แพนเค้กในแบบฉบับโอกินาว่าที่ดูคล้ายๆ กับโอโคโนมิยากิ โดยมีส่วนผสมหลักคือไข่ แป้ง เกลือ พริกไทยดำ ต้นหอม และเพิ่มท็อปปิ้งเป็นเนื้อสัตว์ต่างๆ ได้ตามชอบใจ ถ้าใครเคยกินแพนเค้กเกาหลี คิดว่าจานนี้น่าจะให้อารมณ์คล้ายๆ กัน จะกินเป็นของว่างก็ได้ เป็นกับแกล้มก็ดี และที่สำคัญ จานนี้มักถูกใช้เป็นอาหารจานด่วนในเวลาฉุกเฉินอย่างช่วงที่มีพายุโหมกระหน่ำจนทำให้ไฟฟ้าหรือสาธารณูปโภคอื่นๆ ไม่สามารถใช้การได้ เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย ทำง่าย ต้องยกให้เป็นอาหารสารพัดประโยชน์ในทุกสถานการณ์ของชาวโอกินาว่ากันเลย

 

16. Tofuyo


สำหรับใครที่รักการลองอะไรที่แปลกลิ้นหน่อย ขอแนะนำให้ลองเจ้าเต้าหู้ชนิดนี้ดู ว่ากันว่านี่คือหนึ่งในอาหารเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโอกินาว่ามาตั้งแต่ยุคอดีตละนะ โดยปกติชาวโอกินาวานิยมกินเต้าหู้แบบนี้เป็นกับแกล้ม โดยค่อยๆ เล็มกินจากชิ้นเต้าหู้ซึ่งเสิร์ฟมาก้อนเล็กๆ เพราะเจ้านี่มีรสชาติที่เข้มข้นจนบางคนบอกว่าเหมือนกินชีส เดาว่าน่าจะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และมีรสค่อนข้างเค็มเนื่องจากในกระบวนการทำ ต้องนำเต้าหู้ไปหมักกับยีสต์สีแดง มอลต์ และเหล้าอาวาโมริ ทิ้งไว้ประมาณ 2 – 3 เดือนจึงจะนำออกมากินได้ อยากรู้ว่าคุณจะรับมือไหวมั้ย ลองไปหาชิมกันได้ด้วยตัวเองเด้อ

 

17. Ashi Tebichi


สายคอลลาเจนทั้งหลายต้องให้โอกาสตัวเองได้ชิมจานนี้! เพราะนี่คือซุปขาหมูในสไตล์โอกินาวาที่ถ้าคุณเป็นคนชอบกินคากิหรือขาหมูอยู่แล้วละก็ขอบอกว่าฟินชัวร์ๆ เพราะนี่คือขาหมูที่ถูกตุ๋นจนเปื่อยนุ่มพร้อมส่วนผสมต่างๆ อย่างหัวไช้เท้า สาหร่าย แครอท หรือสาเก โดยแต่ละบ้านอาจจะมีการเพิ่มส่วนผสมพิเศษเฉพาะตัวตามสไตล์ของใครของมัน แต่ทั้งหมดนั้นจะออกมาเป็นซุปรสกลมกล่อมซดคล่องคอ ที่หากคุณอยากกินก็ต้องขอให้มองข้ามคำว่าไดเอ็ทไปก่อนก็แล้วกัน!

 

18. Asa soup


สาหร่ายอาสะเป็นสาหร่ายที่พบมากในแถบท้องทะเลของโอกินาว่า โดยจะสามารถเก็บเกี่ยวสาหร่ายชนิดนี้ได้มากที่สุดในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งชาวบ้านจะมีการนำไปตากแห้งเอาไว้เพื่อเก็บเป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารได้ตลอดปี เจ้าสาหร่ายอาสะนี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายค่อนข้างสูง เพราะมีโพแทสเซียมสูง อุดมไปด้วยเบต้าเคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนั้นยังช่วยลดความดัน ป้องกันเส้นเลือดตีบ ป้องกันโรคกระดูกพรุน และยังแน่นไปด้วยคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย ใส่ในมิโซะซุปแล้วซดร้อนๆ นะ บอกได้เลยว่าดี๊ดี!

 

19. Nakami jiru


ซุปเครื่องในหมูสไตล์โอกินาว่า เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ชาวท้องถิ่นเค้าภูมิใจนำเสนอ โดยส่วนใหญ่ซุปนี้จะใช้ไส้และกระเพาะหมูเป็นวัตถุดิบหลัก โดยกว่าจะนำมาต้มได้ก็ต้องนำไปล้างด้วยเกลือหรือแป้งเพื่อให้หมดกลิ่นคาว หรือบางบ้านก็มีสูตรเฉพาะด้วยการนำไปต้มกับนม จากนั้นจึงนำมาต้มลงในน้ำซุปที่เตรียมไว้ เติมเต้าหู้ เห็ดชิตาเกะ ขิง เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสสัมผัส ปรุงรสด้วยโชยุให้กลมกล่อม เท่านี้ก็จะได้ซุปร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมเครื่องในนุ่มๆ รสนวลๆ เช็งๆ กินแล้วสบายท้องดีนักละ

 

20. Pochigi


ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องหมูๆ ในโอกินาว่า แต่เชื่อว่าเมนูนี้เป็นเมนูที่กินง่ายที่สุดใน 25 เมนูที่เราเอามาฝากกัน เพราะเป็นไส้กรอกหมูที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศโปรตุเกส แต่มาฮิตติดลมบนกันมากมายในเกาะโอกินาว่า โดยไส้กรอกแบบนี้จะให้กลิ่นอายของเครื่องเทศและความเผ็ดจากพริกแดง บางคนก็นิยมนำมาย่างให้หอมแล้วกินกับแกงกะหรี่ หรือมายองเนสและวาซาบิ ชอบแบบไหนก็จัดได้เลย มั่นใจว่าเมนูนี้เด็กกินได้ผู้ใหญ่ก็กินดีอย่างแน่นอน

 

21. Shima rakkyo


บางคนอาจจะส่ายหน้าหากเห็นเมนูนี้ แม้จะไม่ใช่เมนูที่ชาวไทยหลายคนโปรดปราน แต่นี่ถือเป็นอาหารกินเล่นที่ใช้เป็นกับแกล้มยอดนิยมอีกอย่างของชาวโอกินาว่าเลยนะ โดยเค้าจะนำเจ้า Shima rakkyo ซึ่งเป็นต้นหอมที่ปลูกบนเกาะโอกินาว่าและมีขนาดเล็กแต่กลิ่นแรงกว่าต้นหอมต้นใหญ่ๆ แบบที่ชาวญี่ปุ่นทั่วไปนิยมกิน ต้นหอมชนิดนี้จะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน โดยนิยมกินใน 2 รูปแบบคือนำไปทอดเป็นเทมปุระ หรือนำไปผ่าครึ่งให้ได้ต้นหอมเส้นบางๆ แล้วเคล้าเกลือให้ทั่ว นำไปแช่เย็นข้ามคืน แล้วเสิร์ฟตอนที่ยังเย็นๆ อยู่ โดยอาจจะเพิ่มท้อปปิ้งเป็นปลาแห้งขูดฝอยหรืออื่นๆ ตามต้องการ ว่ากันว่ากินพร้อมเบียร์เย็นๆ นะ จะสดชื่นนนนักเชียว

 

22. Goya chips


อย่าเพิ่งเบ้ปากไปเมื่อได้เห็นเมนูนี้!! ก็ชาวโอกินาว่าน่ะ เค้ารัก เค้าอิน กับการกินมะระกันจริงๆ นี่นา โดยนอกจากจะมีเมนูมะระผัดแบบโอกินาว่าสไตล์ที่เรานำมาฝากกันไปแล้ว เค้ายังเอามะระมาทำเป็นขนมขบเคี้ยวจ้าาา แล้วไม่ใช่ว่าเอามาผ่านกระบวนการจนกลายเป็นมะระกรอบแผ่นบางขนาดนี้แล้วจะเสียรสชาติไปนะ ยังคงความขมของมะระเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่จะมีรสอื่นๆ เพิ่มมาปะปนด้วยมั้ยก็ต้องไปลองกันเอาเองนะ ใครอยากชิมก็หาซื้อง่ายมากจ้า เพราะมีวางอยู่ในร้านสะดวกซื้อทั่วไป อ้อ … ที่นี่เค้านิยมใช้เป็นของกินแกล้มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เย็นๆ กันนะ เห็นเค้าว่ากินคู่กันแล้วมันดี๊ดี!

 

23. Mozuku Tempura

สาหร่าย Mozuku เป็นสาหร่ายอีกหนึ่งชนิดที่พบได้มากในเกาะโอกินาว่า มีลักษณะเป็นสาหร่ายเส้นเล็กๆ ยาวๆ สีน้ำตาลเข้ม ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ หลายชนิด ที่เจ๋งคือเมื่อเทียบกับแร่ธาตุที่พบในสาหร่ายสีน้ำตาลอื่นๆ อย่างเช่นสาหร่ายวากาเมะแล้ว ปรากฏว่า Mozuku มีแร่ธาตุมากกว่าหลายเท่า ชนะขาดลอยเลยจ้า เชื่อกันว่ามันมีคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอย หรือ Anti – Aging ด้วยนะ เรียกว่าเป็นสาหร่ายที่มีคุณสมบัติช่วยย้อนวัยได้ ว่างั้นเหอะ ชาวโอกินาว่านิยมนำเจ้าสาหร่ายชนิดนี้มาทอดกรอบเป็นเทมปุระ กินง่าย อร่อย แถมประโยชน์เพียบ!!

 

24. Aguu Pork


เนื้อหมูของโอกินาว่าก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรต้องลอง เพราะนี่คือเนื้อที่ได้ชื่อว่าเป็นวากิวแห่งเนื้อหมูกันเลยนะ ด้วยความที่โอกินาว่านั้นขึ้นชื่อในเรื่องเมนูที่ทำจากหมูเป็นที่สุด ว่ากันว่าคนที่นี่สามารถนำทุกส่วนของหมูไปทำเป็นเมนูเด็ดได้ทั้งหมดโดยไม่เหลืออะไรไว้ให้ทิ้ง! เพราะอย่างนั้นเชื่อได้เลยว่าเนื้อหมู Aguu ของโอกินาว่านั้นต้องเริ่ดจริงชัวร์ๆ นอกจากรสชาติที่ดีแล้ว เนื้อหมู Aguu ยังมีคุณสมบัติเจ๋งๆ อีกหลายอย่าง เช่น มีคอเลสเตอรอลแค่เพียง 1 ใน 4 ของเนื้อหมูสายพันธุ์อื่น มีกรดอะมิโนและวิตามินบี 1 ในปริมาณค่อนข้างสูง และมีรสชาติที่เข้มข้นกว่าเนื้อหมูอื่นๆ อีกหลายเท่า! ก็ถ้าเค้าว่ามันดีขนาดนี้ คุณมีเหตุผลอะไรล่ะที่จะไม่ลอง?

 

25. Chinsuko


นี่คือคุ้กกี้โบราณของเกาะโอกินาว่าที่นับว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งไม่เหมือนใคร ด้วยเท็กซ์เจอร์ที่ไม่ละเอียดจนเกินไป ไม่หวานมาก และยังมีรสเผ็ดปะแล่มแบบเล็กๆ ที่ช่วยให้ไม่เอียนเมื่อได้กิน ความสเปเชียลของคุ้กกี้ชนิดนี้อยู่ที่ส่วนผสม ซึ่งนอกจากแป้งและน้ำตาลซึ่งค่อนข้างเบสิกแล้ว ชินซูโกะยังใช้น้ำมันจากหมูมาเป็นส่วนผสมแทนเนย ซึ่งตอกย้ำความเอ็กซ์เปิร์ตในการใช้ทุกส่วนของหมูมาทำอาหารของชาวโอกินาว่าให้แน่นหนักขึ้นไปอีก และน้ำมันหมูนี่ละที่ทำให้รสสัมผัสของคุ้กกี้ชนิดนี้มีความต่างออกไป จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้านี่จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งของฝากยอดฮิตซึ่งแทบทุกคนอดไม่ได้ที่จะหิ้วติดมือกลับบ้านกัน

เชื่อรึยังคะ ว่าเมนูเด็ดในโอกินาว่าน่ะมีให้เลือกหลากหลาย และก็ไม่ซ้ำใครในญี่ปุ่นจริงๆ เพราะที่นี่มีทั้งกลิ่นอายวัฒนธรรมของตะวันตกและตะวันออกซึ่งผสมผสานกันได้อย่างเหมาะเจาะและลงตัว แถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสโลว์ไลฟ์ ปิดท้ายด้วยการมีวัฒนธรรมทางอาหารที่ดูไปดูมาก็คล้ายเมืองไทยบ้านเราอยู่หลายเมนูเชียวล่ะ เชื่อว่าถ้าคุณเป็นสายชิลล์ เป็นสายกิน แล้วละก็ โอกินาว่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้คุณรู้สึกฟินได้ไม่ยากอย่างแน่นอน ..ชักช้าอยู่ใย ซื้อแพคเกจเที่ยวโอกินาว่ากับ Itravelroom แล้วแพคกระเป๋าไปกันเล้ยย !!! 

 

สามารถเข้าไปดูแพคเกจเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มเติมได้ที่ 

https://www.itravelroom.com/tourjapan

หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 022945598 

 

 


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้