ย้ำไม่เคอร์ฟิว กทม.-ปริมณฑล เพิ่มจุดตรวจ 377 แห่ง

ย้ำไม่เคอร์ฟิว กทม.-ปริมณฑล เพิ่มจุดตรวจ 377 แห่ง

โฆษก ศบค. ย้ำ ไม่มีเคอร์ฟิว เผย นายกรัฐมนตรี ขอบคุณความร่วมมือจากประชาชนและทุกฝ่าย เน้นย้ำดำเนินการเต็มที่ ด้านกลาโหมเพิ่มจุดตรวจ กทม.-ปริมณฑล เป็น 377 จุด เตรียมเหมาลำรับคนไทยในอิตาลี


เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 27 มี.ค. 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุมประจำวันนี้ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานสั่งการ โดยชื่นชมประชาชนที่ให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ในการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing


ทางด้าน นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้นำเสนอสถานการณ์โควิด-19 ที่ปัจจุบันพบผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว 52 จังหวัด มอบ สธ. นำเสนอเรื่องการเตรียมความพร้อมจำนวนเตียงรองรับปัจจุบันใน กทม. และปริมณฑล ซึ่งมีทั้งรัฐ เอกชน โรงเรียนแพทย์และหน่วยทหาร ให้ความร่วมมืออย่างดี อีกทั้งมีการปรับโรงแรมเป็นโรงพยาบาลเฉพาะกิจ และทดลองนำผู้ป่วยอาการน้อยเข้าไปดูแลรักษาแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำระบบดูแลสต๊อกยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ มาตลอดเพราะมีความสำคัญเทียบเท่ากับยุทโธปกรณ์ รวมถึงชุดตรวจห้องปฏิบัติการมีความต้องการสูงมาก รวมถึงมีการอนุมัติให้เอกชนเข้ามาเสนอจำหน่ายชุดตรวจ ยืนยันว่าชุดตรวจจะเพียงพอกับพี่น้องประชาชน


ขณะที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องของไข่ไก่ที่ราคาขายปลีกสูง ตอนนี้มีการเข้าไปพูดคุยกับสมาคมผู้ประกอบการไก่ไข่ 7 รายใหญ่ โดยน่าจะมีปัญหาระหว่างผู้ค้าคนกลาง และขอว่าไม่ให้กักตุนจะพอกินพอใช้ ส่วนเรื่องข้อร้องเรียนการปิดห้างร้านต่างๆ จะติดต่อโอเปอเรเตอร์เพื่อผ่อนผัน สำหรับเรื่องการขนส่งสินค้าทั้ง กทม. และต่างจังหวัด ให้ขอผ่อนผันอยู่ระหว่างกระบวนการพูดคุย นอกจากนี้ในเรื่องหน้ากากอนามัย มีการเสนอที่ประชุมพิจารณาขอแต่งตั้งยกระดับ ดังนี้ 1. ศูนย์บริหารจัดการหน้ากากระดับชาติ 2. คณะกรรมการกำหนดราคากลางเวชภัณฑ์ป้องกันระดับประเทศ 3. คณะกรรมการพิจารณาส่งออกหน้ากากไปนอกราชอาณาจักร เพราะไทยเรามีการรับจ้างต่างประเทศผลิตทำโดยมีลิขสิทธิ์อยู่ โดยพิจารณาให้เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อคนในชาติ

 
ปลัดกระทรวงมหาดไทย สรุปว่า จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงต้องยกระดับเข้มข้นทุกมาตรการ ดังนี้ กทม. และปริมณฑล ชลบุรี พัทยา ระยอง และอุบลราชธานี ส่วนที่เน้นเป็นพิเศษ คือ ชายแดนใต้ จังหวัดท่องเที่ยว อย่าง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภูเก็ต โดยขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวัดจะดำเนินการปรับใช้ ย้ำว่าไม่มีการพูดถึงเคอร์ฟิว

ส่วนปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ก็ห่วงใยคนไทยในอิตาลี และต้องการเดินทางกลับมา อยู่ระหว่างหารือเช่าเหมาลำเครื่องบินที่จะไปรับกลับและมาดูแลที่ไทย โดยประสานกับ สธ. หามาตรการดูแล เพราะเป็นประเทศเสี่ยงติดเชื้อสูง 

ปลัดกระทรวงกลาโหม เผยว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ขอบคุณที่ได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่ก็ต้องมีการเพิ่มระดับให้ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น โดยเพิ่มจุดตรวจใน กทม. และปริมณฑล เป็น 377 จุด ต้องเป็นมาตรการที่เราต้องคุ้นเคยและคุ้นชินเนื่องจากเป็นภาวะฉุกเฉิน มีมาตรการของการตรวจเข้ม คนสัญจรอาจจะขลุกขลักบ้าง และขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ และนายกรัฐมนตรียังห่วงคนที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วย


ขณะที่ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็รายงานว่ามีเรื่องข่าวปลอมมีมากมาย ตรวจสอบและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขอประชาชนมีส่วนร่วมให้แจ้งเข้ามา ตอนนี้จับได้อีกหลายคน และยืนยันว่าจะดำเนินการทางกฎหมาย 

ทั้งนี้ นายแพทย์ทวีศิลป์ สรุปท้ายว่า นายกรัฐมนตรี ต้องให้ประชาชนได้ทราบว่า รัฐ เอกชนและประชาชน สามารถร่วมมือช่วยกันได้ อีกทั้งเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นจิตอาสาทำอุปกรณ์ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อต่อสู้ฝ่าฟันโควิด-19 พร้อมมอบให้กระทรวงต่างๆ นำวาระที่ประชุมไปขยายผลเพื่อปฏิบัติและให้ประชาชนรับทราบต่อไป

  

 

 

ที่มา : THAIRAT


BY : ขนุน

 

สนใจแพคเกจท่องเที่ยว, ตั๋วเครื่องบินทั่วโลก หรือบัตรท่องเที่ยวต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-2945598, 092-294 5598
หรือ คลิ๊ก https://www.itravelroom.com/

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้