รัชกาลที่ 10 : น้ำพระราชหฤทัยของในหลวง ปกป้องปวงชนจากโควิด-19

รัชกาลที่ 10 : น้ำพระราชหฤทัยของในหลวง ปกป้องปวงชนจากโควิด-19

"เหมือนเนรมิตมาจริง ๆ คือลอยมา แล้วเอามาลงตรงนี้" ฉวีวรรณ ชาญกล้า หัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก บรรยายความรู้สึกที่ได้เห็นการติดตั้งห้องตรวจหาเชื้อพระราชทาน ซึ่งทีมงานต้องใช้เครนยกลอยมาเนื่องจากข้อจำกัดด้านสถานที่

บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลอื่น ๆ รวมทั้งหมด 20 แห่งที่ได้รับห้องตรวจหาเชื้อก็มีความรู้สึกปลาบปลื้มไม่ต่างกัน

ในสารคดีสั้นบันทึกพิธีพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อแก่โรงพยาบาลที่เผยแพร่ทางช่องยูทิวบ์ของบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (เอสซีจี) พญ. วัจนารัตน์ นิตย์โชติ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา ตื้นตันใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ขณะถ่ายทอดความรู้สึกของหมอที่อยู่แนวหน้าในสมรภูมิโควิด-19

"การที่ได้ห้องตรวจหาเชื้อมา ก็จะให้หมอมีการทำงานที่ดีขึ้น เนื่องจากชุด PPE มันร้อนแล้วก็มีคนไข้ที่ต้องตรวจเยอะมาก การทำก็เป็นไปด้วยความลำบาก การได้ห้องตรวจหาเชื้อก็สามารถลดการแพร่กระจายเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ หมอรู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้" เธอกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

ห้องตรวจหาเชื้อพระราชทานเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทรงจัดหาและพระราชทานเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

นับตั้งแต่ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายแรกในประเทศไทยเมื่อเดือน ม.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญ และพระราชทานพระราโชบายในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่นี้อยู่เสมอ ดังเช่นที่มีกระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ว่า "โรคมาได้ โรคก็ไปได้ แต่โรคจะไม่ไปถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา"

เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 68 พรรษา วันที่ 28 ก.ค. บีบีซีไทยรวบรวมพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุขของพระองค์มานำเสนอ

"มีอะไรที่จะมีส่วนช่วยเหลือ ที่จะแก้ปัญหาก็ยินดี"


ไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายแรกเมื่อวันที่ 13 ม.ค. หลังจากนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น โรงพยาบาลในประเทศไทยจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ในเบื้องต้นจึงทรงจัดหาและพระราชทานเครื่องช่วยหายใจ 132 เครื่อง เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว 50 เครื่อง รวมทั้งหน้ากากอนามัย 2 ล้านชิ้น แผ่นป้องกันใบหน้าหรือเฟซชีลด์ 30,000 ชิ้น และชุดป้องกันการติดเชื้อโรคหรือชุดพีพีอี 4,000 ชุดแก่บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลต่าง ๆ

เมื่อสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย พระองค์ก็ได้พระราชทานเครื่องมือทางการแพทย์และเวชภัณฑ์อื่นเพิ่มเติมทั้งเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ เครื่องเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ เครื่องกำจัดเชื้อโรคและฟอกอากาศ เครื่องช่วยกดหน้าอกเพื่อฟื้นคืนชีพ เครื่องมือช่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ รถพยาบาลกู้ชีพฉุกเฉิน พระราชทานให้แก่โรงพยาบาลและสถานพยาบาลรวม 123 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สูง

 วันที่ 6 เม.ย. ซึ่งขณะนั้นไทยพบผู้ป่วยรายใหม่วันละหลายสิบคน มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 2,000 คน และรักษาอยู่ในโรงพยาบาลกว่า 1,400 คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และมาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล

ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่า "มีอะไรที่จะมีส่วนช่วยเหลือ ที่จะแก้ปัญหาก็ยินดี เพราะว่าก็เป็นปัญหาของชาติ ซึ่งเรื่องโรคระบาดนี่ ก็ไม่ใช่ความผิดของใคร" และพระราชทานพระราโชบายว่า สถานการณ์นี้เป็นปัญหาของชาติ ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลแก้ไขให้ดีที่สุด ซึ่งหากมีความเข้าใจในในปัญหาและมีความรู้เกี่ยวกับโรคก็จะแก้ปัญหาได้ในที่สุด

"มีความเข้าใจ ไม่ใช่หมายความว่ายอมรับตามบุญตามกรรม แต่มีความเข้าใจในสถานการณ์ มีความเข้าใจในปัญหา และก็มีความรู้เกี่ยวกับโรค ก็คือความเข้าใจในปัญหานั่นเอง อันแรกก็เป็นอย่างนี้ อันที่ 2 ก็คือจากข้อที่ 1 ก็คือการมีการบริหารจัดการ มีแผนเผชิญเหตุ มีระบบในการปฏิบัติแก้ไขให้ถูกจุด รู้ปัญหา แก้ไขให้ถูกจุดโดยมีการบริหารจัดการ แล้วก็ในเวลาเดียวกันก็ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องและเหตุผลที่จะต้องปฏิบัติ เพราะว่าการมีระบบ หรือแผน และการปฏิบัติตามแผนที่ได้วางไว้ตามความเป็นจริง ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แก้ถูกจุด ก็จะลดปัญหาลงไป และแก้ได้ในที่สุด"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสชื่นชมเจ้าหน้าที่และทุกฝ่ายว่า "ทำได้ดี" ในเรื่องการรับมือกับโควิด-19 และทรงเชื่อว่าประเทศไทยจะเอาชนะปัญหานี้ได้



"ประเทศของเรานี่น่าภูมิใจว่าทำได้ดีและก็ทุกคนก็ร่วมใจกัน ก็ดีกว่าที่อื่นอีกหลายที่ แต่บางทีก็ต้องเน้นเรื่องการทำงานมีระบบด้วยความเข้าใจ และการมีระเบียบวินัยในการแก้ไขปัญหา โดยมีเป้าหมายว่าเราจะต้องต่อสู้ให้โรคนี้สงบลงไปได้ในที่สุด เพราะว่าโรคมาได้ โรคก็ไปได้ แต่โรคจะไม่ไปถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มีความขันติอดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องเสียสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือเสียสละในการกล้าพอที่จะสร้างนิสัยหรือสร้างวินัยในตัวเอง ที่จะแก้ไขเพื่อตัวเอง เพื่อส่วนรวม อันนี้เราก็ขอเป็นกำลังใจให้"

วันรุ่งขึ้น (7 เม.ย.) นพ. ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ได้อัญเชิญกระแสพระราชดำรัสนี้มาอ่านระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน เพื่อย้ำว่ารัฐบาลและ ศบค. ได้น้อมน้ำพระราโชบายใส่เกล้าใส่กระหม่อม นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานแก้ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19

พระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) ซึ่งเป็นหนึ่งใน "โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน" เพื่อรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งให้โรงพยาบาลต่าง ๆ 20 แห่งทั่วประเทศ เพื่อปกป้องบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคโควิด-19 และโรคติดเชื้ออื่น ๆ

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี อธิบายว่าห้องตรวจหาเชื้อเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งออกแบบให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้าออกตัวอาคาร มีระบบควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศภายในให้สะอาด

หลักการในการทำงานของห้องตรวจเชื้อคือการแยกแพทย์และผู้ที่มาตรวจออกจากกัน บุคลากรทางการแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวกที่ไม่มีอากาศจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบซึ่งมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก ขณะที่การเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง หลังจากการใช้งานห้องตรวจจะใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรค (UV Germicide) ทุกครั้ง



ห้องตรวจเชื้อนี้ได้รับการออกแบบให้ติดตั้งง่ายใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชเป็นแห่งแรกที่ได้รับพระราชทานห้องตรวจเชื้อเมื่อวันที่ 28 เม.ย. หลังจากนั้นอีกไม่ถึงสองเดือน ห้องตรวจหาเชื้อลำดับที่ 20 ก็ได้รับการติดตั้งที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นแห่งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.

รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย



นอกจากห้องตรวจหาเชื้อแล้ว ในหลวงยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้จัดทํารถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย 13 คัน ให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บตัวอย่างโรคโควิด-19 ในพื้นที่รับผิดชอบของสํานักงานเขตสุขภาพที่ 1-12 ทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานครอีกด้วย

ภายในรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยนี้ติดตั้งอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการตรวจโรคและมีระบบสารสนเทศที่ทันสมัย ภายในห้องเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยเป็นห้องปลอดเชื้อ มีระบบปรับอากาศเพื่อควบคุมความเย็น ระบบกรองอากาศจากภายนอก ระบบควบคุมความดันภายในห้องให้เป็นบวกตลอดเวลา รวมทั้งส่วนปฏิบัติการเก็บตัวอย่าง เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสอดมือผ่านหน้าต่างและถุงมือยางที่ติดตั้งไว้ มีระบบฆ่าเชื้อภายในตัวรถด้วยระบบโอโซน และมีไมโครโฟนเพื่อให้เจ้าหน้าที่สื่อสารกับผู้รับบริการได้สะดวกชัดเจน

รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย ซึ่งนายอนุทิน รองนายกฯ และ รมว.สธ. เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานจากในหลวงเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เชิงรุกในโรงเรียน วัด ชุมชนแออัด และกลุ่มอาชีพเสี่ยงทั่วประเทศ เนื่องจากสามารถเข้าถึงประชาชนในทุกพื้นที่ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว อย่างเช่นการให้บริการตรวจหาเชื้อแก่ชาวระยองหลังจากพบทหารชาวอียิปต์ติดเชื้อและฝ่าฝืนมาตรการกักกันโรค สธ.ก็ได้นำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยไปประจำการที่ห้างสรรพสินค้าที่เป็นจุดสัมผัสโรค

หน้ากากผ้า-เจลแอลกอฮอล์



วันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันราชาภิเษกสมรส สำนักพระราชวังเผยแพร่ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ไปทอดพระเนตรโครงการพระราชทานความช่วยเหลือประชาชน ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ณ กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีทรงใส่พระราชหฤทัยในสุขทุกข์ของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญ ที่จะดูแลประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019" เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ระบุ



โครงการนี้ประกอบด้วยการทำถุงผ้าพระราชทานสำหรับบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคพระราชทานแก่ราษฎร การผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และการเย็บหน้ากากอนามัยชนิดผ้า โดยในวันนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเย็บหน้ากากผ้า สำหรับเป็นตัวอย่างให้กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์นำไปผลิตเพื่อพระราชทานแก่ข้าราชบริพารและราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย

และพระราชทานแก่ประชาชนในพื้นที่รอบเขตพระราชฐานทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงที่เกิดการระบาดและคนต้องอยู่บ้านตามมาตรการล็อกดาวน์

แม้การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายลงโดยไม่พบการติดเชื้อในประเทศมาเป็นเวลากว่า 2 เดือน ผู้ป่วยที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลลดลง จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมคงอยู่ที่ 58 ราย แต่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจเพราะการระบาดรอบใหม่อาจเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้



แต่หากถึงเวลานั้นจริง ประชาชนก็อุ่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าการทำงานอย่างแข็งขันของบุคลากรทางการแพทย์และระบบสาธารณสุขที่ได้รับการสนับสนุนจากน้ำพระราชหฤทัยของในหลวงและพระราชินี จะทำให้คนไทยปลอดภัยอีกครั้ง

แม้ว่าโควิด-19 จะหมดไป เครื่องมือแพทย์ ห้องตรวจหาเชื้อและรถตรวจเชื้อชีวนิรภัยที่ได้พระราชทานมา ก็สามารถประยุกต์ใช้เป็นห้องตรวจหาเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้ต่อไป




 

ที่มา : bbc

BY : หนูนา


สนใจแพคเกจท่องเที่ยว, ตั๋วเครื่องบินทั่วโลก หรือบัตรท่องเที่ยวต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-2945598, 092-294 5598
หรือ คลิ๊ก https://www.itravelroom.com/


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้