จีนสร้างโรงพยาบาลเสร็จแล้ว รับมือไข้อู่ฮั่น ไม่เกินสิบวันตามสัญญา

จีนสร้างโรงพยาบาลเสร็จแล้ว รับมือไข้อู่ฮั่น ไม่เกินสิบวันตามสัญญา

จีนสร้างโรงพยาบาลเสร็จแล้ว รับมือไข้อู่ฮั่น ไม่เกินสิบวันตามสัญญา

จีนสร้างโรงพยาบาลเสร็จแล้ว – การรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019-nCoV ของจีนที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีน ต้นตอและศูนย์กลางการแพร่ระบาดของเชื้อ ด้านหนึ่งคือการก่อสร้างโรงพยาบาลให้เสร็จในพริบตา สะท้อนถึงศักยภาพเฉพาะตัวของจีนในด้านการเนรมิตสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่น่าทึ่ง

โรงพยาบาล 2 แห่ง ที่ทางการจีนมีคำสั่งให้สร้าง แห่งแรกมีชื่อว่า หั่วเสินซาน แปลว่า ขุนเขาเทพอัคนี (Huoshenshan Hospital) ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบจื้ออิน เขตไค่เตียน เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว จึงมีพิธีลงนามให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกองทัพปลดปล่อยประชาชน เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราวสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบบเร่งด่วน

นับจากวันที่ 3 ก.พ. เจ้าหน้าที่การแพทย์จำนวน 1,400 คน ซึ่งได้รับการอนุมัติโดยสีจิ้นผิง ประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางและประธานาธิบดีจีน จะเริ่มภารกิจดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลหั่วเสินซาน ในจำนวนนี้ 950 คน เป็นแพทย์จากโรงพยาบาลต่างๆ ในเครือกองทัพสนับสนุนโลจิสติกส์ แห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA)

และอีก 450 คน เป็นแพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์ของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ แห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนที่เดินทางมาถึงอู่ฮั่นก่อนหน้า


ซินหัว รายงานว่า โรงพยาบาลหั่วเสินซาน มีขนาด 34,000 ตารางเมตร มีเตียงรองรับผู้ป่วย 1,000 หลัง ก่อสร้างโดยอ้างอิงรูปแบบจากโรงพยาบาลเสี่ยวทังซาน ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเคยใช้เป็นสถานกักกันและรักษาผู้ป่วยโรคซาร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง เมื่อปี 2546

มีทั้งห้องไอซียู ห้องอุปกรณ์การแพทย์ และแผนกกักกันผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ

การก่อสร้างโรงพยาบาลพิเศษแห่งใหม่ดังกล่าวเพื่อการรักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสอู่ฮั่นที่มีจำนวนมากจนโรงพยาบาลที่มีอยู่รับไม่ไหว


ทางการประกาศให้สร้างโรงพยาบาลหั่วเสินซาน เมื่อวันที่ 23 ม.ค. พร้อมกับกำหนดก่อสร้างเสร็จสิ้นที่ชวนตะลึงไปทั่วโลก ว่าต้องให้เสร็จภายในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. และเปิดรับผู้ป่วยกลุ่มแรกในวันจันทร์ที่ 3 ก.พ. หมายถึงให้สร้างเสร็จภายในเวลา 10 วัน


การเนรมิตโรงพยาบาลภายในสิบวัน อาศัยแรงงานมากกว่า 4,000 คน ยานพาหนะราว 1,000 คัน และเครื่องจักรกลขนาดใหญ่มากมาย แต่ละคนได้รับคำสั่งให้ทำงานแข็งขันข้ามวันข้ามคืน เพื่อบรรลุเป้าหมาย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้รับมอบหมายหน้าที่จาก ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ให้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการดำเนินการต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ เพื่อยับยั้งการระบาดของโรคร้ายที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่


นายหลี่ให้กำลังใจทีมก่อสร้างและกำชับให้คนงานเร่งมือแข่งกับเวลา เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลหั่วเสินซาน เนรมิตให้เป็น “เกาะที่ปลอดภัย” สำหรับผู้ป่วย

“เราต้องดำเนินทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อรับดูแลผู้ป่วยทุกคนในโรงพยาบาล” นายหลี่กล่าว พร้อมกล่าวกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพยายามป้องกันไม่ให้คนงานก่อสร้างติดเชื้อร้ายดังกล่าว เพราะ “ความปลอดภัยของทุกคนคือสิ่งสำคัญ”

ส่วนโรงพยาบาลแห่งที่สอง มีชื่อว่า “เหลยเสินซาน” แปลว่า ขุนเขาเทพอัศนี ใช้รูปแบบการก่อสร้างแบบเดียวกัน แต่จะมีเตียงรับรองผู้ป่วยมากขึ้นที่ 1,300-1,500 หลัง สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคไข้อู่ฮั่น

เริ่มสั่งการวันที่ 25 ม.ค. โดยมอบหมายให้บริษัทวิศวกรรมการก่อสร้างหมายเลข 3 แห่งประเทศจีน (CSCEC) เป็นผู้ก่อสร้าง กำหนดให้เปิดใช้งานวันที่ 5 ก.พ.






นอกเหนือจากการสร้างโรงพยาบาล กองทัพอากาศจีนยังสร้างสถิติการขนส่งกองกำลังเพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจที่ไม่ใช่สงครามของกองทัพอากาศ ด้วยการใช้จำนวนเครื่องบินขนส่งมากเป็นอันดับ 3 รองจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอำเภอเวิ่นชวน มณฑลเสฉวน ปี 2551 และเหตุแผ่นดินไหวในแคว้นปกครองตนเองกลุ่มชาติพันธุ์ทิเบตอวี้ซู่ มณฑลชิงไห่ เมื่อปี 2553

ช่วงเช้ามืดของวันที่ 2 ก.พ. กองทัพอากาศจีนส่งเจ้าหน้าที่การแพทย์ของกองทัพจำนวน 795 ราย และของใช้สำคัญต่างๆ อีก 58 ตัน ไปปฏิบัติภารกิจในมณฑลหูเป่ย โดยเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่จำนวน 8 ลำ ตามคำสั่งของคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง

ฝูงบินดังกล่าวเดินทางถึงสนามบินเทียนเหอในนครอู่ฮั่น เมื่อเวลา 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยลงจอดในเวลาห่างกันประมาณลำละ 5 นาที

เป็นความอลังการงานสร้างอีกด้านหนึ่งของจีนในความพยายามต่อสู้กับการระบาดของเชื้อโรคที่ลุกลามสร้างความวิตกไปทั่วโลก




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้